ความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับรังแค เลือกแชมพูขจัดรังแคให้ได้ผล

รังแคหลายคนก็อาจจะนึกถึงอาการคันยิบ ๆ บนหนังศีรษะ หรือขุยสีขาวซึ่งสร้างความกังวลและบั่นทอนความมั่นใจไม่น้อย ปัญหาหนังศีรษะกวนใจนี้เป็นสิ่งที่พบเจอได้บ่อย และดูเหมือนจะเป็นเรื่องใกล้ตัว แต่กลับเต็มไปด้วยความเข้าใจผิด ๆ และความเชื่อที่ส่งต่อกันมา ซึ่งมักนำไปสู่การดูแลที่ไม่ถูกต้อง เช่น การเลือกใช้แชมพูที่ไม่เหมาะสม การใช้ผลิตภัณฑ์ผิดประเภท หรือการละเลยการดูแลหนังศีรษะ การเข้าใจข้อเท็จจริงที่ถูกต้องเกี่ยวกับรังแคและการเลือกใช้ แชมพูขจัดรังแค ที่มีประสิทธิภาพจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้เราสามารถรับมือและดูแลหนังศีรษะได้อย่างตรงจุดและมีประสิทธิภาพ



ความเชื่อที่ 1 หนังศีรษะแห้ง = รังแค (เมื่อขุยบนหัวไม่ใช่รังแคเสมอไป)

เรามักจะเหมารวมว่า "ขุย" หรือ "สะเก็ด" ใด ๆ ที่เกิดขึ้นบนหนังศีรษะคือ "รังแค" ทั้งหมด ความเข้าใจผิดนี้เป็นหนึ่งในความเชื่อที่พบได้บ่อยที่สุด และนำไปสู่การดูแลที่ไม่ตรงจุด เพราะแท้จริงแล้ว ภาวะหนังศีรษะแห้งกับรังแคนั้นเป็นคนละเรื่องกัน แม้จะมีอาการที่คล้ายคลึงกันอย่าง "การลอกเป็นขุย" ก็ตาม


ความแตกต่างระหว่างหนังศีรษะแห้งและรังแค

  • หนังศีรษะแห้ง (Dry Scalp) หนังศีรษะของเราก็เหมือนผิวหนังส่วนอื่น ๆ ที่ต้องการความชุ่มชื้น เมื่อหนังศีรษะขาดความชุ่มชื้นอย่างรุนแรง กลไกธรรมชาติในการรักษาความสมดุลของน้ำและน้ำมันบกพร่อง ก็จะเกิดอาการแห้งตึง คัน และเกิดเป็นขุยละเอียดเล็ก ๆ สีขาวคล้ายหิมะ ที่หลุดลอกออกมาได้ง่าย สาเหตุหลักเกิดจากการขาดความชุ่มชื้นบนหนังศีรษะ ปัจจัยกระตุ้นคือสภาพอากาศที่แห้งและหนาวเย็น การสระผมด้วยน้ำร้อนจัด การใช้แชมพูที่รุนแรง การสระผมบ่อยเกินไปที่ทำให้หนังศีรษะสูญเสียน้ำมันตามธรรมชาติ หรือแม้แต่การดื่มน้ำไม่เพียงพอ
  • รังแค (Dandruff) รังแคไม่ใช่แค่หนังศีรษะแห้ง แต่เป็นภาวะที่ซับซ้อนกว่า ส่วนใหญ่แล้ว รังแคที่เราพูดถึงกันคืออาการไม่รุนแรงของโรคผิวหนังอักเสบจากต่อมไขมัน (Seborrheic Dermatitis) ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากการเจริญเติบโตที่ผิดปกติของเชื้อยีสต์ธรรมชาติชนิดหนึ่งที่เรียกว่า Malassezia (มาลาสซีเซีย) ซึ่งมีอยู่บนหนังศีรษะของทุกคนอยู่แล้ว เจ้าเชื้อยีสต์ชนิดนี้จะเจริญเติบโตได้ดีเป็นพิเศษในสภาพแวดล้อมที่อุดมไปด้วยน้ำมัน (ซีบัม) บนหนังศีรษะ เมื่อยีสต์มีจำนวนมากเกินไป มันจะไปกระตุ้นให้หนังศีรษะเร่งกระบวนการผลัดเซลล์ผิวให้เร็วกว่าปกติ ทำให้เกิดการลอกเป็นขุยที่มีลักษณะเฉพาะ

ดังนั้นแชมพูขจัดรังแคส่วนใหญ่จึงมีส่วนผสมที่เน้นควบคุมเชื้อราหรือฆ่าเชื้อราและลดความมัน ซึ่งอาจทำให้หนังศีรษะที่แห้งอยู่แล้วยิ่งแห้งมากขึ้นไปอีก การเลือกแชมพูจึงเป็นส่วนสำคัญในการจัดการปัญหา ต้องช่วยปรับสมดุลไมโครไบโอมบนหนังศีรษะ ในขณะเดียวกันยังคงต้องให้ความชุ่มชื้นแก่หนังศีรษะอีกด้วย


ปัญหาเรื่องรังแค

ความเชื่อที่ 2 สุขอนามัยที่ไม่ดี / สระผมน้อยไป ทำให้เกิดรังแค

การเชื่อมโยงรังแคเข้ากับสุขอนามัยที่ไม่ดีหรือการสระผมน้อยครั้งนั้นเป็นความเชื่อที่ฝังรากลึกในสังคม แต่ที่จริงแล้ว ความเชื่อนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของความจริง และไม่ได้เป็นสาเหตุหลักของการเกิดรังแค รังแคไม่ได้เกิดขึ้นจากการ "สกปรก" หรือการไม่สระผมโดยตรง


เชื้อยีสต์ Malassezia คือสาเหตุหลักของรังแค

สาเหตุหลักของรังแคเกิดจาก เชื้อยีสต์ Malassezia เป็นเชื้อราที่อาศัยอยู่บนหนังศีรษะของทุกคนตามธรรมชาติเจริญเติบโตมากเกินไป การผลิตน้ำมัน (ซีบัม) ที่มากเกินไป โดยเชื้อยีสต์ Malassezia เจริญเติบโตได้ดีในสภาพแวดล้อมที่อุดมไปด้วยน้ำมัน เมื่อหนังศีรษะผลิตน้ำมันออกมามากเกินไป ก็จะเอื้อต่อการเพิ่มจำนวนของยีสต์ชนิดนี้ และเมื่อยีสต์มีจำนวนมากเกินไป มันจะกระตุ้นให้หนังศีรษะเกิดกระบวนการผลัดเซลล์ผิวที่เร็วกว่าปกติ ทำให้เซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้วจับตัวกันเป็นก้อนและหลุดลอกออกมาเป็นขุยที่เราเรียกว่ารังแค


การสระผมบ่อยเกินไปส่งผลอย่างไร?

การที่เราสระผมบ่อยเกินไป หรือการใช้แชมพูที่รุนแรง อาจไปชะล้างน้ำมันธรรมชาติที่จำเป็นออกจากหนังศีรษะ ทำให้หนังศีรษะแห้ง ระคายเคือง และอาจกระตุ้นให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมามากขึ้นเพื่อชดเชย ซึ่งอาจนำไปสู่วงจรของการเกิดรังแคที่แย่ลงได้เช่นกัน


ความเชื่อที่ 3 รังแคเป็นเฉพาะคนผมมันเท่านั้น

รังแคเกิดจากเชื้อยีสต์ที่เติบโตได้ดีในสภาพแวดล้อมที่มันเยิ้ม จึงทำให้หลายคนเหมารวมว่า รังแคเป็นปัญหาเฉพาะสำหรับคนที่มีผมมันเท่านั้น แต่ความเชื่อนี้ไม่เป็นความจริงทั้งหมด


รังแคสามารถเกิดได้ทุกสภาพผม

แท้จริงแล้ว รังแคสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกสภาพเส้นผม ไม่ว่าจะเป็นผมมัน ผมธรรมดา หรือแม้แต่ผมแห้ง เพราะหนังศีรษะแห้งก็มีน้ำมัน แม้ว่าหนังศีรษะจะดูแห้ง แต่ก็ยังมีต่อมไขมันที่ผลิตน้ำมันออกมาเพียงแต่อาจจะน้อยกว่าในคนผมมันมาก ๆ การมีน้ำมันในปริมาณที่เหมาะสมกับการเจริญเติบโตของเชื้อยีสต์ก็เพียงพอที่จะทำให้เกิดรังแคได้ หากปัจจัยอื่นๆ เอื้ออำนวย เช่น ภาวะภูมิคุ้มกัน การตอบสนองของหนังศีรษะต่อยีสต์


ปัจจัยอื่น ๆ ที่กระตุ้นให้เกิดรังแค

นอกจากการผลิตน้ำมันแล้ว ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเกิดรังแค การแพ้หรือระคายเคืองต่อผลิตภัณฑ์ แชมพู ครีมนวด หรือผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมบางชนิด อาจทำให้หนังศีรษะระคายเคืองและเกิดการอักเสบ ซึ่งนำไปสู่การลอกเป็นขุยได้ ความเครียดส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกันและการทำงานของต่อมไขมัน ซึ่งสามารถกระตุ้นให้รังแคกำเริบได้ รวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน


จัดการรังแค ด้วยเดอคอส แชมพู และ เซรั่ม

Vichy เวชสำอางจากประเทศฝรั่งเศส ที่มีแพทย์ผิวหนังกว่า 70000 คนทั่วโลกมั่นใจแนะนำให้ใช้1 รังสรรค์ผลิตภัณฑ์ Vichy Dercos แชมพูขจัดรังแคอันดับ 1 ที่แพทย์ผิวหนังทั่วโลกแนะนำ2 Vichy Dercos Anti-dandruff shampoo ช่วยจัดการรังแค โดยเห็นผลตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้3 และยังช่วยป้องกันการกลับเป็นซ้ำได้อีกด้วย3


แชมพูขจัดรังแค Vichy Dercos

ทำความรู้จักกับ Vichy Dercos Anti-dandruff shampoo แชมพูขจัดรังแค

แชมพู Vichy Dercos ทั้งสูตร Original อย่าง Anti-Dandruff Shampoo และสูตร Anti-Dandruff Shampoo DS 2 in 1 Conditioning Shampoo ผสานการทำงานของ Selenium Disulfide 1% ซึ่งเป็นสารที่มีการยอมรับในทางการแพทย์ ในการจัดการกับเชื้อ Malassezia และมีส่วนช่วยปรับสมดุลของไมโครไบโอมบนหนังศีรษะให้กลับมาสุขภาพดีอีกครั้ง3 นอกจากนี้ยังมีส่วนผสมของ Salicylic acid 1% ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิว อีกทั้งลดขุยของรังแคที่เกาะติดอยู่บนหนังศีรษะ ทำให้หนังศีรษะสะอาดยิ่งขึ้นหลังจากใช้ครบ 1 สัปดาห์ นอกจากนี้ยังมีส่วนผสมที่ช่วยลดความมันบนหนังศีรษะ และทำให้ชั้นปราการผิวแข็งแรงขึ้น อย่างวิตามิน อี และ เซราไมด์ จึงช่วยทำให้ลดโอกาสเกิดขุยรังแคได้ดียิ่งขึ้น


Vichy Dercos Serum 10 เซรั่มดูแลหนังศีรษะ

Dercos Anti-Dandruff Treating Scalp Serum10 เซรั่มที่ช่วยจัดการกับปัญหารังแคได้มากถึง 10 ประการ ตั้งแต่ลดขุย ลดความคัน ลดความมัน ช่วยให้หนังศีรษะไม่แห้งตึง ปราการผิวแข็งแรง และ ลดกลิ่นอันไม่พึงประสงค์จากการที่หนังศีรษะมัน ด้วยส่วนผสม อย่างเช่น Piroctone Olamine เข้าจัดการกับเชื้อรา และลดความมันส่วนเกินบนหนังศีรษะ ผสานกับการทำงานของ Madecassocide ที่ช่วยปลอบประโลม เหมาะกับหนังศีรษะที่ระคายเคืองหรือเป็นผื่นง่าย อีกทั้งยังมี วิตามินซี และ ไฮยาลูรอน


วิธีการใช้แชมพูและเซรั่ม Dercos ให้ได้ผลดีที่สุด

  • สำหรับแชมพู Anti-dandruff ทั้ง 2 สูตร แนะนำให้สระผมครั้งแรกเพื่อล้างความมันส่วนเกินและสิ่งสกปรกต่างๆ ออกก่อน จากนั้นสำหรับการสระรอบที่ 2 ให้ขยี้แชมพู Vichy Dercos จนเกิดฟองและฟอกทิ้งไว้ 2 นาทีเพื่อให้แชมพูทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ และ แนะนำให้ใช้แชมพู Vichy Dercos สระอย่างน้อย สัปดาห์ละ 1 ครั้ง เพื่อป้องกันการกลับเป็นซ้ำ พบว่าสามารถป้องกันการกลับเป็นซ้ำของรังแคได้ยาวนานถึง 6 สัปดาห์3
  • เดอคอส เซรั่ม 10 : สามารถใช้ได้ทั้งวันที่สระผม และ วันที่ไม่ได้สระผม ตามความสะดวก โดยแนะนำให้ใช้อย่างน้อย สัปดาห์ละ 3 ครั้ง เพื่อการเห็นผลที่ดีที่สุด โดยฉีดพ่นเนื้อเซรั่ม ลงบริเวณที่มีปัญหา แล้วใช้ปลายนิ้ว นวดเบาๆ ให้เซรั่มซึมเข้าสู่หนังศีรษะ

Vichy Dercos มาพร้อมกับสูตรที่เหมาะสำหรับหนังศีรษะบอบบางแพ้ง่าย Hypoallergenic ใช้แล้วรู้สึกสบายหนังศีรษะ พร้อมกลิ่นหอมอ่อนๆ รู้สึกสดชื่น ปราศจากสารกันเสียพาราเบน สำหรับผู้ที่ผิวแพ้ง่ายจึงใช้ได้อย่างสบายใจ ถือว่าตอบโจทย์คนที่อยากได้ทั้งผมที่นุ่มสลวย และปราศจากรังแคไปพร้อมๆกัน


สรุป

รังแคเป็นปัญหาหนังศีรษะที่พบบ่อย แต่กลับเต็มไปด้วยความเชื่อผิด ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการสับสนระหว่างรังแคกับหนังศีรษะแห้ง การเข้าใจผิดเกี่ยวกับสุขอนามัย หรือการจำกัดว่ารังแคเกิดเฉพาะกับคนผมมันเท่านั้น ความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนเหล่านี้มักนำไปสู่การดูแลที่ไม่ตรงจุดและไม่ได้ผล การแยกแยะความจริงออกจากความเชื่อจึงเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง เพื่อให้คุณสามารถเลือกวิธีการดูแลที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ตรงกับสาเหตุ เช่น แชมพูขจัดรังแค ที่ออกแบบมาเพื่อจัดการกับต้นตอของปัญหา หรือการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเมื่อจำเป็น เพื่อให้หนังศีรษะของคุณสะอาด ปราศจากขุย และมีสุขภาพดี


1. ผลสำรวจในกลุ่มผลิตภัณฑ์เวชสำอาง โดย AplusA และพันธมิตรร่วม ระหว่างเดือนมกราคม 2023 ถึง กรกฏาคม 2023 มีแพทย์ผิวหนังจาก 30 ประเทศเข้าร่วมโดยสามารถอ้างอิงถึงมากกว่า 80% ของ GDA ทั่วโลก

2. ผลสำรวจโดย APLUSA และผู้ทำการสำรวจร่วมระหว่างเดือนมิถุนายน 2023 ถึงกันยายน 2023 ซึ่งเป็นผลสํารวจที่มีแพทย์ผิวหนัง ทั้งหมด 29 ประเทศเข้าร่วม ซึ่งคิดเป็นมากกว่า 80% ของ GDP ทั่วโลก

3. Cécile Clavaud, Céline Michelin, Sayeh Pourhamidi, Sarah Ziane, Charles El Rawadi, Benoît Muller. Selenium disulfide: a key ingredient to rebalance scalp microbiome and sebum quality in the management of dandruff.