การมีผมสวยสุขภาพดี ดกดำ เงางาม เป็นสิ่งที่ใคร ๆ ก็ปรารถนา แต่ปัญหาผมร่วงกลับเป็นเรื่องที่กวนใจใครหลายคน ปัจจุบันมีหลากหลายวิธีในการรักษาและแก้ไขปัญหาผมร่วง หนึ่งในวิธีที่ได้รับความนิยมคือการปลูกผม อย่างไรก็ตาม ก่อนตัดสินใจปลูกผม ควรทำความเข้าใจถึงข้อดี ข้อเสีย และวิธีการดูแลเส้นผมหลังการปลูกอย่างถูกต้อง บทความนี้จะพาไปสำรวจรายละเอียดเกี่ยวกับการปลูกผม รวมถึงการดูแลเส้นผมอย่างต่อเนื่องด้วยแชมพูลดผมร่วง
ผมร่วงแค่ไหนควรปลูกผม
การพิจารณาว่าผมร่วงมากน้อยแค่ไหนจึงควรปลูกผมนั้น ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยและควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
ระดับของผมร่วง
- ผมร่วงเล็กน้อย: หากผมร่วงเพียงเล็กน้อยหรือเป็นช่วง ๆ เช่น ช่วงหลังคลอดบุตร หรือช่วงที่มีความเครียด อาจไม่จำเป็นต้องปลูกผม การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดูแลเส้นผม การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ หรือใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผมอาจเพียงพอ
- ผมร่วงปานกลาง: หากผมร่วงมากขึ้นจนสังเกตเห็นได้ชัด เช่น ผมบางลงอย่างเห็นได้ชัด เส้นผมขาดหลุดร่วงง่าย หรือเริ่มเห็นหนังศีรษะ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุและวิธีการรักษาที่เหมาะสม ซึ่งอาจรวมถึงการใช้ยา การทำทรีทเมนต์ หรือการปลูกผม
- ผมร่วงรุนแรง: หากผมร่วงมากจนเห็นหนังศีรษะชัดเจน หรือมีบริเวณที่ผมหายไปเป็นหย่อม ๆ การปลูกผมอาจเป็นทางเลือกที่ดีในการแก้ปัญหา
การประเมินระดับผมร่วง
- สำหรับผู้ชาย: มักใช้ Hamilton-Norwood scale เป็นวิธีที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในการประเมินระดับความร่วงของเส้นผมในเพศชาย โดยแบ่งออกเป็น 7 ระดับ ตั้งแต่ผมร่วงเล็กน้อยบริเวณขมับและกลางกระหม่อม ไปจนถึงผมร่วงรุนแรง เหลือผมเพียงด้านข้างและด้านหลังศีรษะ

- สำหรับผู้หญิง: มักใช้การประเมินแบบ Ludwig scale ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ระดับ โดยเน้นการประเมินความกว้างของแนวผมที่บางลงบริเวณกลางศีรษะ หรือตามแนวรอยแสกเป็นหลัก

โดยทั่วไปแล้ว หากเป็นผู้ชายที่อยู่ในระดับ 3-7 ของ Hamilton-Norwood Scale หรือผู้หญิงในระดับ 2-3 ของ Ludwig Scale และไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม สามารถพิจารณาการปลูกผมได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละบุคคลและคำแนะนำของแพทย์
ข้อดี ข้อเสีย ของการปลูกผม
การปลูกผมเป็นหนึ่งในวิธีแก้ปัญหาผมบางหรือศีรษะล้านที่ได้รับความนิยม เนื่องจากให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติและยาวนาน อย่างไรก็ตาม การปลูกผมก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียที่ควรพิจารณาก่อนตัดสินใจ ดังนี้
ข้อดีของการปลูกผม
- เพิ่มความมั่นใจ: การปลูกผมช่วยแก้ปัญหาผมบาง ศีรษะล้าน ทำให้กลับมาดูดีมากขึ้น ส่งผลให้คืนความมั่นใจในตัวเองกลับมา
- ผลลัพธ์ยาวนาน: โดยทั่วไปแล้ว ผลลัพธ์ของการปลูกผมค่อนข้างถาวร เนื่องจากเส้นผมที่ปลูกใหม่มีคุณสมบัติเหมือนกับเส้นผมบริเวณท้ายทอย ซึ่งมีความทนทานต่อการหลุดร่วงจากฮอร์โมน DHT
- ปรับปรุงบุคลิกภาพ: การมีผมที่ดกดำช่วยเสริมสร้างบุคลิกภาพโดยรวม ทำให้ดูดีขึ้น
ข้อเสียของการปลูกผม
- ค่าใช้จ่ายสูง: การปลูกผมมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง ขึ้นอยู่กับเทคนิคที่ใช้ จำนวนกราฟต์ที่ปลูก และสถานพยาบาลที่เลือก
- ต้องใช้เวลาในการพักฟื้น: หลังการปลูกผมต้องใช้เวลาในการพักฟื้น และต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
- อาจเกิดผลข้างเคียง: เช่น อาการบวม แดง คัน หรือเจ็บบริเวณที่ปลูกผม อาการเหล่านี้มักจะหายไปเองภายในไม่กี่วันหรือสัปดาห์ แต่อาจมีภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงกว่าได้ เช่น การติดเชื้อ ซึ่งควรปรึกษาแพทย์ทันที การปลูกผมบางเทคนิคอาจทิ้งรอยแผลเป็นไว้บริเวณที่ผ่าตัด
- ผลลัพธ์ไม่สามารถเห็นได้ทันที: ต้องใช้เวลาหลายเดือนกว่าที่เส้นผมที่ปลูกใหม่จะเริ่มงอกยาว และเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน
- อาจต้องปลูกผมซ้ำ: ในบางกรณี อาจต้องปลูกผมซ้ำ เพื่อให้ได้ความหนาแน่นของเส้นผมตามที่ต้องการ
.jpg?la=th-th&w=853&rev=286728cec37f44749d88bea15602cdac&hash=DE5E8B1F27BF67D5FAC235A516A6E719)
วิชี่ เดอคอส ช่วยดูแลหลังการปลูกผมได้อย่างไร?
หลังการปลูกผม การดูแลเส้นผมอย่างต่อเนื่องเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและยั่งยืน หนึ่งในวิธีการดูแลเส้นผมที่สำคัญคือการใช้แชมพูที่ช่วยลดผมร่วง ซึ่งมีส่วนช่วยในการบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะ ลดการขาดหลุดร่วงของเส้นผม และกระตุ้นการงอกใหม่ของเส้นผม
หลักการดูแลเส้นผมหลังการปลูก
- ควรเลือกแชมพูลดผมร่วงที่อ่อนโยนต่อหนังศีรษะ และปราศจากสารเคมีที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง นอกจากนี้ ควรนวดหนังศีรษะเบา ๆ ขณะสระผม เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต
- หลีกเลี่ยงการใช้ความร้อนกับเส้นผมมากเกินไป เช่น การเป่าผมด้วยลมร้อน หรือการหนีบผม
- การเลือกใช้แชมพูที่ช่วยลดผมร่วงร่วมกับครีมนวด และเซรั่มเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยทำให้รากผมและหนังศีรษะแข็งแรง ส่งเสริมให้เส้นผมยึดเกาะกับหนังศีรษะได้ดี และลดการหลุดร่วงของเส้นผมได้ และหากใช้เป็นประจำ ก็จะช่วยป้องกันไม่ให้ความรุนแรงของผมร่วงเป็นมากขึ้น
การดูแลด้วยผลิตภัณฑ์ Vichy Dercos
Vichy เวชสำอางจากประเทศฝรั่งเศส ที่มีแพทย์ผิวหนังกว่า 70,000 คนทั่วโลกมั่นใจแนะนำให้ใช้1 Dercos Energy+ Aminexil เป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยลดการหลุดร่วงของเส้นผมได้ โดยที่มีผลิตภัณฑ์ที่แนะนำให้ใช้คู่กันเป็น Protocol คือ Dercos Energy+ Aminexil Shampoo ใช้คู่กับ Dercos Energy+ Fortifying Conditioner และ Dercos Aminexil Clinical 5 Serum ซึ่งสามารถช่วยลดการหลุดร่วงขอเส้นผมได้แบบ 5 มิติ คือ
1.ลดการหลุดร่วงของเส้นผม
2.บำรุงหนังศีรษะอย่างล้ำลึก
3.เสริมความแข็งแรงของรากผมและหนังศีรษะ
4.เสริมความชุ่มชื้น ลดโอกาสที่จะเกิดการระคายเคือง
5.ช่วยทำให้เส้นผมดูมีโวลลุ่ม ดูหนาแน่นขึ้น
.jpg?la=th-th&w=853&rev=4a393e08514e49a1953fe686ee7c84d6&hash=395C5C4BE5658F235AC7B8521FDDFE19)
ส่วนผสมสำคัญใน Vichy Dercos
- ส่วนผสม Aminexil เป็นสารที่มีส่วนช่วยในการเสริมสร้างเน็ทเวิร์คของคอลลาเจนที่รากผมให้แข็งแรงยิ่งขึ้น จึงช่วยลดการหลุดร่วงได้
- นอกจากนี้ยังมี Argenine ที่มีส่วนช่วยกระตุ้นการไหลเวียน
- SP94 เป็นแหล่งพลังงานในการงอกใหม่ของเส้นผม
ทั้งสามส่วนผสมนี้จะทำงานร่วมกันเพื่อช่วยให้เส้นผมและรากผมมีการแข็งแรงขึ้น อีกทั้งลดการหลุดร่วงของเส้นผม และมีการทดสอบทางการแพทย์ยืนยันแล้วว่าช่วยทำให้ผมดูหนาแน่นขึ้น เมื่อใช้เป็นประจำต่อเนื่อง 6 เดือน2
วิธีใช้ Vichy Dercos Energy+ Aminexil
แชมพูเดอคอส เอนเนอจี้ พลัส อะมิเน็กซิล มาพร้อมกับสูตรสำหรับหนังศีรษะบอบบางแพ้ง่าย Hypoallergenic ปราศจากปัจจัยที่จะทำให้เกิดการแพ้หรือระคายเคือง เพราะ ปราศจากสารกันเสียพาราเบน ซิลิโคน และสารแต่งสี คนที่หนังศีรษะแพ้ง่ายจึงใช้ได้อย่างสบายใจ
- สำหรับแชมพู สามารถสระได้บ่อยครั้งตามต้องการ
- จากนั้นต่อด้วยครีมนวดผม ซึ่งแนะนำให้ leave on ไว้บนหนังศีรษะ 2 นาที เพื่อให้ Aminexil และ อะมิโนแอซิด ได้ทำงาน
- ส่วนเซรั่มแนะนำให้ใช้วันละ 1 ครั้ง โดยแบ่งใช้ตามบริเวณที่เป็น และควรนวดเบา ๆ ให้เนื้อซีรั่มซึมเข้าสู่หนังศีรษะพร้อมกระตุ้นการไหลเวียนได้ด้วย
เพียงเท่านี้ปัญหาผมร่วงจนน่ากังวลใจก็สามารถแก้ไขได้ ด้วยการเลือกใช้วิธีการรักษาที่เหมาะสมตามระดับความรุนแรง รวมถึงการดูแลเส้นผมอย่างถูกวิธีโดยใช้แชมพูที่ช่วยลดผมร่วง ร่วมกับผลิตภัณฑ์อื่น ๆ เช่น ครีมนวดผม และเซรั่ม พร้อมกับการปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ จะช่วยให้คุณมีสุขภาพผมที่ดี คลายความกังวลและคืนความมั่นใจกลับมาได้อย่างแน่นอน
1. ผลสำรวจโดย AplusA และผู้ทำการสำรวจร่วมโดยอ้างอิงจากตลาดกลุ่มผลิตภัณฑ์ เวชสำอาง ระหว่าง มกราคม 2023 ถึง กรกฎาคม 2023 ซึ่งเป็นผลสํารวจที่มีแพทย์ผิวหนัง ทั้งหมด 30 ประเทศเข้าร่วม โดยสามารถอ้างอิงถึงมากกว่า 80% ของ GDA ทั่วโลก
2. Loussouarn G, et al. BEDC.1997;5:1-6.